2551-08-25

เทคนิคการป้องกันภัยคุกคามของการสมัครงานในยุคปัจจุบัน

ภัยจากการสมัครงาน


กรณีศึกษาที่ 1

นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2547 ที่ผ่านมา เราได้ส่งจดหมายไปที่บริษัท POWER SUCCESS INTERNATIONAL CO.,LTD ที่ได้มาจากอินเตอร์เน็ต อยู่ตรง ซอยติวานนท์ 25 อาคารบิวดิ้ง ติดถนนใหญ่ จ.นนทบุรี ตำแหน่งพนักงานประสานงาน พอเข้าไปในบริษัทก็มีคนพลุกพล่านเต็มไปหมด ใส่สูทหรูดีมาก พอสักพักก็ได้เข้าไปสัมภาษณ์ในห้อง แล้วเคาก็บอกว่าน้องต้องจ่ายเงินค่าลงคอร์สสมัครสมาชิกแล้วจะได้เครื่องสำอางไปใช้ แล้วก็จะมีทีมเกิดขึ้นน้องไม่ต้องทำอะไรให้ลูกทีมทำก็จะได้เงินประมาณ 2,900 5,999 7,999 มีประมาณ 3 คอร์ส เค้าก็ถามว่าตอนนี้น้องมีเงินเท่าไรห่ เราก็บอกว่ามี 200 บาท เค้าก็ถามเราว่ามีทองไหม มีบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเครดิตหรือเปล่า เราก็บอกว่ามีอยู่บ้าน เค้าก็บอกว่าจะให้คนขับรถขับรถไปให้เอาเอทีเอ็มมากดเงินให้เค้า มีผุ้ชายเป็นคนขับและมีผู้หญิงนั่งประกบเราไปอีก 1 คน แต่โชคดีที่เราให้เค้าจอดตรงตลาดแล้วเราก็วิ่งหนีลงจากรถไปแจ้งตำรวจ ตำรวจบอกว่าบริษัทนี้มีคนมาแจ้งความตั้งหลายรอบแล้ว เราอยากจะเตือนทุคนที่อ่านกระทู้นี้ให้ระวัง เพราะว่าคุณอาจจะไม่มีสิทธิ์ได้ออกมาจากบริษัทนี้ง่าย ๆ ถ้าคุณไม่จ่ายเงินให้เค้า และทุกวันนี้บริษัทนี้ก็ยังเปิดหลอกลวงคนอื่นอยู่ เพราะฉะนั้นช่วยบอกต่อเพื่อนทุกคนที่คิดจะไปสมัครด้วย อาจจะไม่โชคดีเหมือนเรา


กรณีศึกษาที่ 2

เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อตอนที่เราเรียนจบใหม่ ๆ และกำลังอยากหางานทำ ก็ได้เข้าไปสมัครในอินเตอร์เน็ต เข้าไปสมัครอยู่หลสยเว็บเหมือนกัน สมัครหลายบริษัทด้วย และเราก็ส่ง RESUME ไปหลายที่มาก และในวันเดียวกันประมาณช่วงบ่าย 3 ก็มีบริษัทหนึ่งโทรมานัดเราให้ไปสัมภาษณ์งานในวันพรุ่งนี้ เราดีใจมาก สอบถามสถานที่ นัดเวลาเรียบร้อย พอเช้าเราก็เดินทางไป จำได้ว่าบริษัทนี้ชื่อเวิร์ล อะไรสักอย่างจำไม่ได้ เราก็ไปถึงบริษัท อยู่ในซอยราชวิถีเท่าไหร่จำไม่ได้แล้ว แต่อยู่ข้าง ๆ ซอยอารีย์ และในซอยจะมีตึกใหญ่ ๆ ของกรมสรรพากรอยู่สุดซอยเลย เราขับรถไปกับเพื่อนสองคน พอไปถึงก็เจอบริษัทซึ่งเป็นตึกแถวห้องเดียว และมีคนอยู่ในนั้นเยอะมาก ดูวุ่นวายด้วย เพื่อนเราที่ชวนมาสมัครด้วยมันเห็นแล้วสภาพไม่น่าสนใจมันก็เลยไม่ยอมสมัคร แล้วมันก็ไปนั่งอยุ่ในรถ ส่วนเราก็มีคนเอาใบสมัครมาให้กรอกแล้วก็เข้ามาสัมภาษณ์ ส่วนใหญ่จะคุยเรื่องส่วนตัวเรามากกว่าไม่ค่อยสนใจเรื่องการศึกษาเท่าไหร่ จะถามว่าพ่อแม่ทำงานอะไร ใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ และวันนี้มีเงินมาเท่าไหร่ เราก็ซื่อบอกเค้าว่ามีมา 2 พันกว่าบาท และถามว่ามีบัตรอะไรบ้าง เราก็บอกมีบัตรเอทีเอม 2 ใบ แล้วถามต่อว่าในบัตรมีเงินเท่าไหร่ เราก็เริ่มรู้สึกว่าเค้มาวุ่นวายกับเรามากไปแล้วนะ เราก็เลยไม่กล้าบอกเค้า แล้วยังจะขอดูกระเป๋าสะพายของเราด้วยว่าเอาอะไรมาบ้าง เหมือนว่าจะพยายามรื้อดูซะทุกอย่าง เราก็บอกว่าไม่มีอะไรมาหรอกมีแต่เครื่องสำอาง แล้วเค้าก็เดินออกไป บอกให้เรารอก่อนเดี๋ยวจะเรียกผุ้จัดการมาสัมภาษณ์ เราก็คิดในใจว่านี่ยังไม่เสร็จอีกหรอชั่วโมงกว่าแล้วนะเนี่ย สักพักก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาท่าทางเกย์ ๆ หน่อย ใส่สร้อยทองน่าจะประมาณ 10 บาทเส้นใหญ่มาก ๆ ใส่แหวนเพชรเกือบทุกนิ้วและเพชรเม็ดใหญ่แบบโอเว่อร์ เค้าก็เข้ามาคุยกับเราว่าอยากทำงานที่นี่ไหม เราก็ถามว่าให้ทำใตแหน่งอะไรหรอ เค้าบอกว่าเราน่าตาน่ารัก พูดเพราะ จะให้เป็นประชาสัมพันธ์ แต่ไม่ได้ให้อยู่ที่นี่นะ ให้ไปอยู่ประจำที่โรงเรียนสอนภาษาแห่งหนึ่ง เราก็หรอ แต่ในใจเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีละ เราก็ยังทำเป็นถามอีกนะว่าแล้วต้องทำไงบ้าง เค้าบอกว่าต้องเสียค่าสมัครนะนละ 17,000 บาท เราก็งงว่าทำไมต้องเสียนะเรามาของานเค้าทำนะ เค้าก็บอกว่าไม่เสียฟรีนะท่สมัครเนี่ยสามารถเอาไปเลือกลงเรียนแต่ละคอร์สที่เค้าเปิดสอนได้นะ เราก็งงอีกว่าตกลงบริษัทนี้มันทำอะไรกันแน่ สรุปก็คือเป็นโรงเรียนที่เปิดสอนเยอะมากทั้งคอมพิวเตอร์ ทำอาหาร ภาษา ... แต่เราก็ไม่รู้จักชื่อโรงเรียนนี้เลย ใครจะกล้าสมัครเรียนและได้วุฒิอะไรรึเปล่าก็ไม่รู้ เราก็เริ่มตัดบทแล้วว่าจะกลับไปบ้านไปคุยกับแม่ก่อนนะ และวันนี้เราก็สมัครไม่ได้ด้วยเพราะเราไม่มีเงิน แล้วเค้าก็บอกว่าวันนี้มีมาเท่าไหร่ก็เอามาสมัครไว้ก่อน มัดจำไว้นะ แต่พอดีคนที่สัมภาษณ์คนแรกมันรู้แล้วว่าเรามีเงินมา 2,000 ให้เอาตรงนี้มาจ่ายก่อน เราเลยโกหกไปว่าจะต้องเอาไปจ่ายค่าโทรศัพท์ตั้ง 2,000 ไม่งั้นพรุ่งนี้โดนตัดแน่ ๆ เค้าก็บอกว่าพันหนึ่งก็ได้ เราก็ไม่ยอม 500 ก็ได้ เราก็ไม่ยอมอีก จนสุดท้ายเค้าก็ถามว่าน้องไม่อยากได้งานทำหรอ เราก็บอกว่าอยากนะแต่ถ้าได้งานแล้วเราเดือดร้อน เพราะดทรศัพท์ต้องโดนตัดเราไม่ทำดีกว่า เค้าก็เลยบอกว่างั้นถอดสร้อยข้อมือออกมาเดี๋ยวจะเอาไปตึ๊งให้ เราก็... ต้องทำขนาดนี้เลยหรอ สุดท้ายวันนี้มันต้องเอาอะไรจากเราให้ได้สักอย่าง เราก็ไม่ยอมอยู่ดี ตอนนี้มีคนมารุมสัมภาษณ์เรา 4 คนแล้วเราก็ไม่ยอม ใจเราคิดแต่ว่าจะยุติเรื่องวันนี้ยังไงดีเพื่อที่จะได้ออกไปแล้วไม่เป็นอันตรายกับเราด้วย พอดีเพื่อนเราโทรเข้ามาเราก็รีบรับโทรศัพท์ทันทีแล้วบอกว่าจะออกไปเดี๋ยวนี้แหละ เราก็ลุกขึ้นจะกลับแล้วเพราะมีธุระ เค้าก็ถามว่าตกลงน้องจะทำงานไหม ถ้าทำก็จ่ายเงินมา เราก็พูดให้ความหวังมันไปว่า พี่เรื่องเงินนะเรื่องเล็กถ้าหนูจะทำนะ พรุ่งนี้ขอเงินแม่มาสมัครได้เลย เค้าก็เริ่มยิ้มกันได้ เดินลงมาส่งเราถึงรถเลยละ พอออกมาได้เราก็แทบอยากจะกรี๊ด นี่หรอการสัมภาษณ์งานครั้งแรกในชีวิตของเรา รู้สึกแย่มาก เสียความรู้สึกอย่างแรงด้วย ดีนะที่เราไม่ได้เสียอะไรไป ขอให้คนพวกนี้หมดไปจากสังคมซะทีเถอะ ...



การป้องกันภัยการสมัครงาน

สมัยนี้หางานทำได้ยากเหลือเกินไม่เหมือนเมื่อก่อน เมื่อมีข่าวเปิดรับสมัครงานเมื่อไร โดยเฉพาะงานราชการก็มักจะมีคนแห่ไปสมัครนับพันนับหมื่นคน บางรายก็ได้งาน บางรายที่ผิดหวังก็ต้องหาสมัครงานใหม่ต่อไป แต่ยังดีที่มีช่องทางหางานได้มากขึ้น เช่น หางานตามหนังสือสมัครงาน Internet ตามแคมปัสของมหาวิทยาลัยที่จัดให้นักศึกษากรอกประวัติส่วนตัวทิ้งไว้ให้นายจ้างมาคัดเลือก ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีหน่วยงานของรัฐที่เปิดให้มีการจัดหางานให้ฟรีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย มีเครือข่ายอยู่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย และยังมีจัดหางานเอกชนที่สามารถเปิดให้บริการจัดหางานให้กับคนหางานทำในประเทศ แต่ต้องขออนุญาตกับกรรมการจัดหางานก่อน

หากสงสัยว่าจัดหางานเอกชนดังกล่าวเปิดบริษัทโดยไม่ได้รับอนุญาตสามารถแจ้งเบาะแสข้อมูลได้ที่ศูนย์ประสานการปราบปรามผู้เป็นภัยต่อคนหางาน โทร. 0-2245-6763 หรือสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางาน


การเตรียมตัวหางาน

ควรจะต้องเริ่มต้นกันก่อนที่จะจบกรศึกษา คือควรจะแวะไปดูตู้หรือป้ายประกาศของสถานศึกษาที่เรียนอยู่ว่ามีบริษัท ห้างร้านใดต้องการรับสมัครพนักงานบ้าง เพราะบริษัทห้างร้านต่าง ๆ มักจะชอบส่งหนังสือแสดงความจำนงว่า จะรับสมัครพนักงานในตำแหน่งอะไรบ้างไปตามมหาวิทยาลัยเสมอ เพราะเป็นการประหยัดค่าโฆษณาหาคนในหนังสือพิมพ์ บางแห่งก็อยากได้คนจบใหม่ ๆ เลย นอกจากนี้ควรจะสอบถามไปยังเพื่อนรุ่นพี่หรือคนรู้จักกันว่า มีท่ไหนกำลังเปิดรับสมัคร แต่ทั้งน้ทั้งนั้นก็ไม่ควรจะต้องสนอกสนใจถึงกับไม่มีเวลาดูหนังสือสอบ

นอกจากจะมองหาแหล่งสำหรับสมัครงานแล้ว ในระหว่างนั้นก็น่าจะเตรียมตัวให้พร้อ เช่น เลือกเสื้อผ้าที่คิดว่าดีและเหมาะสมที่สุด ควรจะมีสัก 2 ชุด เพื่อใส่ไปสมัครงานหรือรับการสัมภาษณ์ เตรียมรูปถ่าย จัดเตรียมเอกสารท่จำเป็นต้องใช้ โดยเตรียมไว้เป็นชุด ๆ อย่างน้อยก็ควรจะเตรียมไว้ไม่น้อยกว่า 3-4 ชุด เตรียมกระดาษจดหมาย ซองจดหายและซองใส่เอกสาร ขณะเดียวกันควรกำหนดไว้ว่า จะไปพบใครหรือโททรศัพท์สอบถามเรื่องการสมัครงานจากใครที่ไหน พูดกันง่าย ๆ คือเตรียมใจ เตรียมกาย และเตรียมสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นไว้ให้พร้อม เพราะคุณกำลังจะออกไปต่อสู้กับคนอื่น ๆ ซึ่งทุกคนก๋กำลังมองหางานเช่นเดียวกัน


การหาแหล่งงาน

การหาข้อมูลตำแหน่งงาน สถานที่สมัครบุคคลเข้าทำงาน ผู้สมัครสามารถหาข้อมูลได้จากแหล่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
  1. หนังสือพิมพ์ หนังสือพิมพ์รายวัน ซึ่งมีผู้อ่านจำนวมาก จะมีประกาศรับสมัครงาน ทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

  2. สำนักงาน กพ. สำหรับผุ้ต้องการทราบข่าวการสอบเพื่อบรรจุเข้ารับราชการในหน่วยงานต่าง ๆ ของภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ

  3. หน่วยบริการจัดหางานของมหาวิทยาลัย หน่วยบริการจัดหางาน กองกิจการนักศึกษา เป็นแหล่งข้อมุลการรับสมัครงานทั้งภาคราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน

  4. กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม บริษัทเอกชนหลายแห่งนิยมแจ้งข่าวการรับสมัครงานไปยังกรมการจัดหางาน ผู้สมัครควรไปซื้อไว้ที่สำนักงานเขตใกล้บ้าน เผื่อการเรียกตัวเข้าทำงาน

  5. ญาติพี่น้อง อาจารย์ บัณฑิตรุ่นพี่ หรือคนรู้จัก โดยเฉพาะผู้ที่ปัจจุบันทำอยู่กับบริษัทก็อาจให้คำแนะนำได้

  6. สมัครโดยตรงกับบริษัท ปัจจุบันหลายบริษัทเปิดรับสมัครงานตลอดปี ผ้สมัครสอบถามรายละเอียดได้

เทคนิคการสมัครงาน

  • แหล่งข้อมูลในการสมัครงาน

- ศูนย์จัดหางาน (E-job center) ของกรมการจัดหางาน ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณกระทรวงแรงงาน

- สำนักงานจัดหางานกรุงเทพ เขตพื้นที่ 1-10 หรือสำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด

- หนังสือสมัครงาน

- โฆษณาตามหนังสือพิมพ์/ วิทยุ/ โทรทัศน์

- ป้ายรับสมัครงานของสถานประกอบการ

- ทาง Internet

- สอบถามจากคนใกล้ชิด เช่น ญาติ เพื่อน คนรู้จัก


  • การสมัครงาน

ส่วนประกอบของประวัติย่อ

- ที่อยู่ปัจจุบัน ควรระบุให้ชัดเจนเพื่อให้บริษัทสามารถติดต่อเราได้โดยตรง

- ข้อมูลส่วนตัว ได้แก่ ชื่อสกุล วันเดือนปีเกิด น้ำหนัก ฯลฯ

- ประสบการณ์ในการทำงาน เอาเฉพาะที่สำคัญ หรือที่เกี่ยวข้องกับที่สมัครงาน

- การศึกษา เรียงตามวุฒิการศึกษาต่ำสุดไปสูงสุด อย่างน้อยควรเขียน 2 ระดับ

- ความสามารถพิเศษ เขียนเฉพาะที่มีประโยชน์ต่อการสมัครงาน เช่น สามารถพิมพ์ดีดได้ดี

- การฝึกอบรมสัมมนา เขียนรายละเอียดให้ชัดเจน ที่ไหน เรื่องอะไร ฯ


  • การสัมภาษณ์งาน
  1. ต้องเตรียมตัวให้พร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
  2. แต่งกายสุภาพ
  3. ตรงต่อเวลานัดหมาย (ควรถึงก่อน 10 -15 นาที)
  4. เตรียมข้อมูลให้พร้อม

ข้อควรปฏิบัติขณะรับการสัมภาษณ์

- นั่งรออย่างเรียบร้อย ไม่เดินไปเดินมา ไม่ส่งเสียงดัง

- ควรยิ้มให้ผู้สัมภาษณ์ขณะเริ่มทักทาย

- พูดจาสุภาพ ชัดเจนเป็นธรรมชาติ มีความมั่นใจในตนเอง

- ตั้งใจฟังคำถามและตอบคำถามให้ตรงประเด็น จำข้อมูลให้แม่น

- เมื่อถูกตั้งคำถามที่อาจมีลักษณะยั่วยุ ต้องควบคุมอารมณ์ให้ดี อย่าแสดงอารมณ์โกรธให้ปรากฏ

- ถ้าผู้สัมภาษณ์เปิดโอกาสให้ถาม ควรถามเกี่ยวกับลักษณะงาน

- ขณะสัมภาษณ์ควรมองหน้าผู้สัมภาษณ์

- ไม่ควรนั่งไขว่ห้าง

- ไม่ควรนัดสัมภาษณ์วันละหลาย ๆ แห่ง

- ไม่ควรนำพ่อแม่ หรือเพื่อนไปสัมภาษณ์ด้วย

- ไม่แสดงอาการประหม่า มือเท้าสั่น

- ไม่ควรแย่งพูดขณะตั้งคำถาม และไม่พูดในสิ่งที่ไม่เป็นจริง

คำถามที่อาจจะถูกถามในการสัมภาษณ์งาน

- คำถามเกี่ยวกับชีวิต ครอบครัว เช่น ให้เราเล่าประวัติแบบย่อ

- คำถามเกี่ยวกับการเรียนและกิจกรรม เช่น คุณเคยทำกิจกรรมอะไรมาบ้าง

- เคยทำงานอะไรมาแล้ว และทำไมจึงอยากมาทำที่นี่ (ควรตอบในเชิงบวก)

- ทำไมจึงออกจากที่ทำงานที่เคยทำอยู่ (ควรตอบในเชิงบวก)

หลักเกณฑ์ในการเลือกที่ทำงาน

เมื่อได้รายชื่อบริษัทธุรกิจที่ผู้สมัครสนใจจะไปสมัครเข้าทำงานจากแหล่งต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ถ้าหากไม่รีบร้อนเกินไปก็น่าจะมีการศึกษาหารายละเอียดเกี่ยวกับบริษัทเหล่านั้นบ้างเล็กน้อย อย่างน้อยก็เพื่อป้องกันความผิดหวังการหารายละเอียดนี้ก็เพื่อดูความั่นคงของกิจการ และดว่าดวงของผู้สมัครจะสงพงษ์กับบริษัทนั้น ๆ เพียงไร มีวิธีดูหลายประการดังต่อไปนี้

  1. ทุนดำเนินการและกิจการทั่วไป แน่นอนที่สุดที่ผู้สมัครคงไม่สามารถทราบฐานะทางการเงินของบริษัทธุรกิจได้ ยกเว้นธนาคารบางแห่งที่มีการเผยแพร่ผลกำไรขาดทุนและแสดงฐานะของกิจการในรายงานประจำปี แต่อย่างน้อยก็เชื่อว่าผู้สมัครพอจะมีทางทราบฐานะของบริษัทจากกิจการทั่วไป เช่น ทางด้านการตลาด การผลิต และการให้บริการจและสวัสดิการแก่พนักงาน เป็นต้น บริษัทหลายแห่งทีมั่นคงจะมีตึกสำนักงานของตนเอง และมีการให้บริการแก่สังคมสูง เป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป
  2. ที่ตั้ง วิธีการนี้ก็เพื่อความสะดวกของผู้สมัครในการเดินทางไปและกลับจากที่ทำงาน เพราะถ้าบริษัทอยู่ห่างไกลจากที่อยู่อาศัยมากก็จะลำบากมาก ยิ่งถ้าไปทำงานสายบ่อย ๆ ก็อาจจะถูกผู้บังคับบัญชาตำหนิได้ และค่าใช้จ่ายในการเดินทางอาจสูงกว่าที่ทำงานใกล้บ้านก็ได้ อีกทั้งประหยัดเวลาในการเดินทางได้อีกด้วย
  3. รายได้ หมายถึงเงินเดือนรวมกับเบี้ยเลี้ยง เงินล่วงหน้า (ถ้ามี) โบนัสประจำปี และสวัสดิการต่าง ๆ ที่บริษัทให้ บางบริษัทอาจให้เงินเดือนสูงแต่ทำงานมากชั่วโมงกว่า หรือบางบิษัทเงินเดือนต่ำกว่าก็จริง แต่ออกเงินค่าภาแถมมีโบนัสให้ด้วย เรื่องรายได้นี้นับว่าผุ้สมัครจะต้องพิจารณาให้ดี อาจจะสอบถามคนที่ทำงานอยู่แล้ว หรือไม่กสอบถามจากกรรมการเมื่อสอบสัมภาษณ์ก็ได้
  4. บรรยากาศการทำงาน ผู้สมัครควรสืบทราบเรื่องบรรยากาศในการทำงานของบริษัทธุรกิจนั้น ๆ ว่ามีการทำงานกันอย่างมีความสุข เป็นระเบียบเรียบร้อย มีวินัยอันดีพอสมควรหรือไม่ หรือมีการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่ง และปัดแข้งปัดขากัน มีการแบ่งพรรคแบ่งพวกกันอย่างไร เพื่อจะได้ประกอบการตัดสินใจให้ถูกต้อง และเพื่อความสบายใจในการทำงาด้วย บางบริษัทแม้จะเล็กแต่ก็อบอุ่น มีการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขเหมือนพี่กับน้อง มีการสอนพนักงานใหม่ให้คุ้นกับบบริทและเพื่อนร่วมงานอย่างรวดเร็ว ทำให้สบายใจกว่าอยู่บริษัทใหญ่ ๆ แต่มีการจ้องจับผิดหรือป้ายความผิดกันตลอดเวลา
  5. สภาพการทำงาน เรื่องสภาพการทำงานก็เป็นเรื่องที่น่าพิจารณาไม่น้อย เพระจะเป็นประโยชน์สำคัญในการทำงานอย่างมีความสุขและมีประสิทธิภาพหรือไม่เพียงใดในอนาคต บางบริษัทที่ก้าวหน้านสมัยจะมีอุปกรณือำนวยความสะดวกในการทำงานในแทบทุกอย่าง นับตั้งแต่ มีที่จอดรถของพนักงาน ลิฟต์ เครื่องปรับอากาศ โต๊ะ และม้านั่ง เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องเขียนและอุปกรณ์ เป็นต้น และเป็นการแน่นอนที่สุดว่าในบริษัทที่มีสภาพการทำงานที่ดีกว่า ผลงานของพนักงานก๋ย่อมจะดีกว่า และขวัญกำลังใจของพนักงานก็ย่อมจะสูงกว่าอย่างไม่น่าสงสัย
  6. โอกาสก้าวหน้า ข้อนี้เป็นสิ่งท่ควรแกรพิจารณาอย่างยิ่ง แต่ส่วนมากผู้สมัครงานมักไม่สนใจเท่ารายได้ที่จะได้รับ ผู้สมัครควรจะดูว่าบริษัทธุรกิจนั้น ๆ ให้โอกาสแก่พนักงานในการพัฒนาความรู้ความสามารถอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้มีความก้าวหน้าในตำแหน่งอาชีพและเงินเดือน บางบริษัทจะสนับสนุนพนักงานอย่างเต็มที่ในการเข้ารับการฝึกอบรมสัมมนาดูงานและฝึกงานทั้งในและนอกประเทศ บางบริษัทยินดีให้พนักงานร่วมกิจกรมของสังคมที่เป็นประโยชน์ เป็นต้น เหล่านี้ล้วนแต่เป็นการเปิดโอกาสให้พนักงานมีโอกาสพัฒนาตนเองทั้งสิ้น
  7. วัตถุประสงค์คล้ายคลึงกัน หมายความว่า ปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของบริษัทควรจะสอดคล้องกับปรัชญาในการประกอบอาชีพผู้สมัครด้วย ทั้งนี้เพื่อจะทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข
  8. ลักษณะงาน คนบางคนสามารถทำงานได้ทุกอย่าง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำได้ดีหมดทุกอย่าง มนุษย์เรามีความถนัดในบางเรื่อง และความถนัดนี้ก็น่าจะได้มีโอกาสนำมใช้งานให้เหมาะสมและถูกต้อง ดังเช่นภาษิตของงานบริหารงานบุคคลที่ว่า " จงบรรจุคนที่เหมาะสมที่สุดในงานที่เหมาะสมที่สุด" หรือ PUT THE RIGHT MAN INTO THE RIGHTJOB ดังนั้น ลักษณะงานจึงจำเป็นต้องจะทำให้เกิดความพอใจในงานด้วย เพื่อจะได้ทำงานด้วยความรักและเพื่อความมีประสิทธิภาพขององค์กร

ขั้นตอน-กระบวนการในการสมัครงาน

หลังจากที่ทราบถึงแหล่งงาน สามารถจำแนกทักษะความชำนาญความพอใจของตนเอง รวมทั้งงานที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของตนเอง และก็ถึงเวลาออกไปสมัครงาน ซึ่งปกติกรสมัครงานจะมีขั้นตอน-กระบวนการ ดังนี้

  1. การเตรียมตัวก่อนการสมัคร
  2. การกรอกใบสมัคร
  3. การเขียประวัติย่อ (RESUME)
  4. การเขียนจดหมายสมัครงาน
  5. การสอบข้อเขียนหรือการทดสอบความสามารถ
  6. การสัมภาษณ์
  7. การติดตามผล

** โปรดจำไว้เสมอว่าจดหมายแนะนำต้องส่งควบคู่กับ RESUME ทุกครั้ง **


















1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

^_^